|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (4) แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 จึงออกประกาศ มาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์ พ.ศ. 2567 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (5) แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 จึงออกประกาศมาตรการและแนวทางในการยกระดับทักษะความรู้และความเชี่ยวชาญในด้าน การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2567 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 และมาตรา 142 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิก --(1) กฎกระทรวงฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ; (2) กฎกระทรวงฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2560) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 /--ข้อ 2 การทดสอบผู้ขับขี่ว่าเมาสุราหรือไม่ ให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่โดยวิธีตรวจวัดจากลมหายใจด้วยเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดโดยการเป่าลมหายใจ (BREATH ANALYZER TEST) และอ่านค่าของแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นมิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ วิธีการทดสอบตามวรรคหนึ่ง ให้ปฏิบัติตามวิธีการตรวจสอบของเครื่องตรวจแต่ละชนิด /--ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่สามารถทดสอบผู้ขับขี่โดยวิธีตรวจวัดจากลมหายใจได้ ให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้--(1) ตรวจวัดจากปัสสาวะ ; (2) ตรวจวัดจากเลือด /--การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ขับขี่ก่อนจึงจะดําเนินการได้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :28/08/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 วรรคสอง ข้อ 9 ข้อ 12 ข้อ 14 วรรคสอง ข้อ 15 วรรคสาม ข้อ 16 วรรคสาม ข้อ 18 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และข้อ 20 ของกฎกระทรวง การขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2563 อธิบดีกรมการจัดหางาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (3) ของข้อ 7 ของประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดแบบ และเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอและการแจ้ง ตามกฎกระทรวงการขออนุญาต ทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน --(3) ใบอนุญาตทำงานที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ ให้เป็นไปตามแบบ บต. 42 และ บต. 42/1 ท้ายประกาศนี้ /-- ข้อ 3 ให้เพิ่มแบบใบอนุญาตทำงานที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ บต. 42/1 ท้ายประกาศนี้ เป็นแบบใบอนุญาตทำงานที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ บต. 42/1 ท้ายประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดแบบและเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่น คำขอและการแจ้ง ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้ง การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศใช้เมื่อ :18/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 36 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550 และข้อ 4 วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2548 ประกอบกับมติคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ 7/2567 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2517 จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3.1 โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป จำนวนเนื้อที่ประมาณ 629 ไร่ 2 งาน 16 ตารางวา ในท้องที่ตำบลหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 36 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550 และข้อ 4 วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2548 ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ 8/2567 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 จึงประกาศ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป จำนวนเนื้อที่ 1 ประมาณ 673 ไร่ 1 งาน 45.0 ตารางวา ในท้องที่ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงพลังงาน ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดเขตที่ตั้งและเขตปลอดภัย ของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล โดยให้เขตรอบสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลมีระยะห้าร้อยเมตร โดยวัดจากแต่ละจุดของขอบด้านนอกของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลนั้น เนื่องจากผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมได้มีการติดตั้งสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลเพิ่มมากขึ้น และมีการยกเลิกการใช้งานของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล อาศัยความตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล พ.ศ. 2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจึงเห็นควรให้ออกประกาศกำหนดเขตที่ตั้งและเขตปลอดภัยของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลเพิ่มเติม ดังนี้ /--1. ให้ยกเลิกเขตที่ตั้งและเขตปลอดภัยของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลลำดับที่ 9 13 14 63 64 65 66 67 68 69 70 43 99 102 111 157 194 332 340 343 472 และ 473 ของข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงพลังงาน ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 /--2. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นลำดับที่ 474 475 476 477 478 479 480 481 482 483 484 485 486 487 488 489 490 491 492 493 และ 494 ในเขตที่ตั้ง และเขตปลอดภัยของสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล ของแปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย โดยใช้ระบบทางภูมิศาสตร์ Indian 1975 ของข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงพลังงาน ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงพลังงาน ประกาศใช้เมื่อ :26/08/2567
|
สาระสำคัญ |
แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ และรายงานผลการปฏิบัติตามประมวลหลักการปฏิบัติ สำหรับการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2565 เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมกรณีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีโฟโตโวลเทอิกแบบติดตั้งบนหลังคา ให้สอดรับตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2565 (ครั้งที่ 162) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเร่งรัดการอนุมัติ อนุญาตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยเร็ว/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 50 มาตรา 51 และมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ประกอบกับมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในการประชุม ครั้งที่ 27/2567 (ครั้งที่ 912) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 และครั้งที่ 28/2567 (ครั้งที่ 913) เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจัดทำรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ และรายงานผลการปฏิบัติตามประมวลหลักการปฏิบัติ สำหรับการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 /--ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป /--ข้อ 3 ให้ยกเลิกเอกสารหมายเลข 2 แนบท้ายระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ และรายงานผลการปฏิบัติตามประมวล หลักการปฏิบัติ สำหรับการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2565 และให้ใช้เอกสารหมายเลข 2 แนบท้ายระเบียบนี้แทน |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงพลังงาน ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง เพิ่มเติม สําหรับผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net - Zero Carbon Emission) ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 2/2566 (ครั้งที่ 165) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 และมติคณะกรรมการบริหารนโยบาย พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2567 (ครั้งที่ 67) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเห็นชอบ ให้จัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2540 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2) โดยมีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการพิจารณาคัดเลือกโครงการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการ ประชุมครั้งที่ 3/2565 (ครั้งที่ 158) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 และมติคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 4/2565 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 และครั้งที่ 12/2565 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ที่ให้ความสําคัญเป็นลําดับแรก กับผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ที่ผ่านเกณฑ์ การพิจารณาความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ํา (Pass/Fail Basis) และได้รับการประเมินความพร้อม ตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพ (Scoring) แต่เนื่องจากการจัดหาครบตามเป้าหมายแล้วจึงไม่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 และประกาศที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะพิจารณารับซื้อ ไฟฟ้าจากผลการประเมินความพร้อมตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพ (Scoring) ที่ได้จัดทำไว้โดยไม่ต้อง ปรับปรุงแก้ไขคําเสนอขายไฟฟ้า ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวมไม่เกิน 500 เมกะวัตต์ สําหรับพลังงานลม และไม่เกิน 1,550 เมกะวัตต์ สําหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 39/2567 (ครั้งที่ 924) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 4 เป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม สําหรับประเภทพลังงานลม ไม่เกิน 500 เมกะวัตต์ เป็นลําดับแรก และสําหรับประเภทพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ไม่เกิน 1,550 เมกะวัตต์ เป็นลําดับที่สอง รวม 2,140 เมกะวัตต์ โดยมีเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้ารายปีเป็นไปตามแผนการเพิ่ม การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 2550 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2) กกพ. สามารถพิจารณาปรับเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้ารายปีตามวรรคหนึ่งได้ตามความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับผลคะแนนความพร้อมด้านเทคนิค คําเสนอขายไฟฟ้า กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) และศักยภาพระบบไฟฟ้า โดยไม่ให้เกินกรอบเป้าหมายของแต่ละประเภท เชื้อเพลิง /--ข้อ 5 หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับซื้อไฟฟ้า ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 และประกาศที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ระเบียบนี้และประกาศที่ กกพ. กำหนดเพิ่มเติม/--ข้อ 6 ให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้ง บนพื้นดิน ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ํา (Pass/Fail Basis) และได้รับการประเมินความพร้อมตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพ (Scoring) แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2515 - 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 และประกาศที่เกี่ยวข้อง แสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมการคัดเลือกโครงการโดยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไข คําเสนอขายไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กกพ. ประกาศกำหนด/--โดยให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมตามวรรคหนึ่ง วางหลักประกันคําเสนอขายไฟฟ้าใหม่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่การไฟฟ้าประกาศกำหนด /--ข้อ 7 กกพ. จะพิจารณาปรับเพิ่มปริมาณพลังไฟฟ้าเป็นไปตามคําเสนอขายไฟฟ้าเดิมแก่ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นรายสุดท้ายตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุน เชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 และเคยยินยอมให้ปรับลดปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายเพื่อไม่ให้เกินกว่ากรอบเป้าหมายเดิมตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2018 Rev. ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) ให้สอดคล้องกับคําเสนอขายไฟฟ้า ศักยภาพระบบ ไฟฟ้าและข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่สามารถรองรับได้ โดยให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้า ดังกล่าวแสดงความประสงค์ขอปรับเพิ่มปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขาย โดยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขคําเสนอ ขายไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประกาศ กกพ. กำหนด/--ข้อ 4 ข้อสงวนสิทธิ์--(1) กรณีที่มีข้อจำกัดในด้านการปรับปรุงศักยภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้า กกพ. หรือการไฟฟ้าสงวนสิทธิ์ในการไม่ตอบรับคําเสนอขายไฟฟ้า ; (2) กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ กกพ. สงวนสิทธิ์ในการยกเลิกโครงการ ตามระเบียบนี้ ก่อนลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า/--ภายใต้บังคับข้อสงวนสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมและผู้ผลิตไฟฟ้าจะฟ้องร้อง หรือเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จาก กกพ. การไฟฟ้า หรือสํานักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมิได้ /--ข้อ 9 ให้ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และ กกพ. เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ คําวินิจฉัยของ กกพ. ให้เป็นที่สุด |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงพลังงาน ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และข้อ 7 ของประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดทำรายงานการบัญชีและการเงินสำหรับผู้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2563 ประกอบกับมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 41/2567 (ครั้งที่ 926) เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 แก้ไขเพิ่มเติมความใน (2) และ (3) ของข้อ 3 ของประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำ รายงานการบัญชีและการเงินเพื่อการกำกับดูแล พ.ศ. 2564 |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความ ในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน 5.1.4 ของข้อ 5 หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ ของประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 8/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน 5.1.4 โครงการที่มีการหลอมโลหะต้องดำเนินการให้ได้รับใบรับรองระบบคุณภาพตาม มาตรฐาน ISO 14000 หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า ก่อนการใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคล ทั้งนี้ กรณีไม่ได้ใช้หรือไม่ได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานข้างต้นก่อนวันครบเปิดดำเนินการ /--ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน 12.3 ของข้อ 12 สิทธิและประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ตลอดระยะเวลาที่ วลาที่ได้รับการส่งเสริม ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 8/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน --12.3 เครื่องจักรที่ใช้ในโครงการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนที่ได้รับการส่งเสริม ในประเภทกิจการกลุ่ม A เพื่อปรับปรุงและทดแทนเครื่องจักรเดิมหรือเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในโครงการเดิม ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการแล้วหรือไม่ก็ตาม |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 15/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) เพื่อให้มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานทดแทนโดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ในระดับที่เหมาะสมยิ่งขึ้น /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศกำหนดรายการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถนับเป็นเงินลงทุนเพื่อใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้น ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 รายการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถนับเป็นเงินลงทุน ได้แก่--1.1 แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (PV Module) ; 1.2 เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ; 1.3 หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ; 1.4 ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบควบคุม ระบบติดตามตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย สถานีตรวจวัดอากาศ (Weather station) และระบบล้างแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Cleaning System) 1.5 ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Energy Storage System : BESS) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ของระบบ BESS /--ข้อ 2 มูลค่าเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนในการปรับปรุงตามข้อ 1 เมื่อรวมแล้ว จะต้องไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อกำลังการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ (MW) |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคมโดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับ ฐานรากให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงการยกระดับสิ่งแวดล้อมโดยการจัดการป่า เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างยั่งยืน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 1/2567 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม และประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ที่ 6/2567 ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เรื่อง การปรับปรุงมาตรการส่งเสริม เพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 จากภาคการเกษตร /--ข้อ 2 มาตรการนี้ให้ใช้บังคับกับโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม หรือเป็นโครงการลงทุนใหม่ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งจะได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษี โดยต้องเป็นประเภทกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศให้การส่งเสริมเงินได้นิติบุคคลการลงทุนอยู่ในขณะที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ /--ข้อ 3 ต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำของโครงการในการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 5,000,000 บาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยจะต้องสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ต่อราย /---ข้อ 4 องค์กรท้องถิ่นผู้รับการสนับสนุน หมายถึง สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจ เพื่อสังคมหรือกลุ่มเกษตรกรในท้องถิ่นที่จดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือสถานศึกษาของรัฐ หรือสถานพยาบาลของรัฐ ซึ่งดำเนินกิจการอย่างน้อยด้านใดด้านหนึ่งตามขอบข่าย ได้แก่ กิจการด้านการเกษตร การบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม กิจการด้านผลิตภัณฑ์ชุมชน กิจการ ท่องเที่ยวชุมชน กิจการด้านสิ่งแวดล้อม กิจการด้านการศึกษา หรือกิจการด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ รวมถึงกรณีที่เป็นการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นผ่านความร่วมมือกับสถาบันวิจัย หรือสถานศึกษาของรัฐด้วย |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 19/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน /--เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศให้แก้ไขประเภทกิจการและเงื่อนไขในประเภทกิจการ 6.4.4.1 ประเภทกิจการ 6.4.5 และประเภทกิจการ 6.5.3.2 ของบัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ที่ 19/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 8/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน และประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 9/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นและสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มีการยกระดับการผลิตและสามารถ เปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 มาตรา 18 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงออกประกาศ ดังนี้/--ข้อ 1 มาตรการนี้ให้ใช้บังคับกับโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้รับส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม โดยจะต้องอยู่ในข่ายให้การส่งเสริมได้ในประเภทกิจการ 3.4 กิจการผลิตเครื่องยนต์ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วน และประเภทกิจการ 3.5 กิจการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อนุสนธิประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 9/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน/-- อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้ในหมวด 1 หมวด 7 และหมวด 8 ของบัญชีท้ายประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 9/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2565 โดยกำหนดประเภท เงื่อนไข สิทธิและประโยชน์ |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 16 มาตรา 23 และมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2560 คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรม เป้าหมาย จึงออกประกาศมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นที่มีศักยภาพสูง และให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ 2/2564 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2564 เรื่อง มาตรการส่งเสริม วิสาหกิจเริ่มต้น และ ที่ 1/2565 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2565 เรื่อง การปรับปรุงมาตรการส่งเสริม วิสาหกิจเริ่มต้น |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :24/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 13/2567 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ |
|
|
|
|
กระทรวง : คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประกาศใช้เมื่อ :24/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 คณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน จึงออกประกาศ ดังนี้ /--ข้อ 1 มาตรการนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ประกอบกิจการขนส่งทางอากาศ โดยอนุญาตให้สามารถนําเครื่องบินที่เคยนําเข้ามาใช้แล้วในประเทศ และมีการส่งออกไปต่างประเทศมาใช้ในโครงการได้ /--ข้อ 2 สิทธิและประโยชน์ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร แต่ไม่ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้ที่เกิดจากการนําเครื่องบินตามข้อ มาให้บริการ /--ข้อ 3 ต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2508 โดยต้อง เป็นโครงการที่ใช้เฉพาะเครื่องบินที่เคยนําเข้ามาใช้แล้วในประเทศ แล้วมีการส่งออกไปต่างประเทศเท่านั้น /--ข้อ 4 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ยื่นตั้งแต่วันที่ออกประกาศ |
|
|
|
|
กระทรวง : กสทช ประกาศใช้เมื่อ :04/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สําหรับ การให้บริการกระจายเสียง เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับ การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเพื่อให้ผู้ประสงค์จะใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการกระจายเสียง ได้รับทราบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และการประกอบกิจการกระจายเสียง ตลอดจนเงื่อนไขอื่นที่จําเป็น /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (4) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 27 (24) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 41 มาตรา 42 และมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับ การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 ประกอบกับมาตรา 7 และมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 /--ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สําหรับการให้บริการกระจายเสียง ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 |
|
|
|
|
กระทรวง : กสทช ประกาศใช้เมื่อ :11/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (1) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 มาตรา 27 (4) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร คลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และมาตรา 27 (5) (6) และ (24) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร คลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนความถี่วิทยุกิจการกระจายเสียงระบบดิจิทัลเพื่อการทดลอง หรือทดสอบ ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 /--ข้อ 4 แผนความถี่วิทยุกิจการกระจายเสียงระบบดิจิทัลให้เป็นไปตามแผนความถี่วิทยุ กสทช. ผว. 104-2567 ท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ได้กำหนดในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended) บทที่ M Carriage of Cargoes and Oil Fuels ให้ใช้ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าเทกอง ที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Solid Bulk Cargoes Code : IMSBC Code) และกรมเจ้าท่าได้ออกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 224/2566 เรื่อง ประมวลข้อบังคับ ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศ International Maritime Solid Bulk Cargoes Code (IMSBC Code) ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2560 นั้น /---เพื่อให้การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา SOLAS 1974 และ IMSBC Code ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม อันจะช่วยลดการเกิดอันตรายจากการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางหรือการจัดเก็บสินค้าในระวางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือการลดลงของความทรงตัวของเรือในระหว่างเดินทาง ตลอดจนเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของเรือ อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงประกาศกำหนดไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 224/2566 เรื่อง ประมวลข้อบังคับว่าด้วย การขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศ International Maritime Solid Bulk Cargoes Code (IMSBC Code) ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2506 /--ข้อ 2 ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น นายเรือ เจ้าของเรือ ตัวแทนเจ้าของเรือ ผู้ส่งสินค้าทางเรือ ผู้รับขนสินค้าทางเรือ และท่าเรือ ฯลฯ ดําเนินการปรับใช้ IMSBC Code (Resolution MSC.539(107) International Maritime Solid Bulk Cargoes (IMSBC) Code) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการขนส่งสินค้าเทกองที่เป็นของแข็งในระวางทางทะเลระหว่างประเทศทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :19/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่กฎข้อบังคับสําหรับการตรวจเรือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการออก ใบสําคัญรับรองเกี่ยวกับความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล พ.ศ. 2559 กำหนดให้การปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การตรวจเรือโดยสาร การตรวจเรือสินค้า การออก และการสลักหลังใบสําคัญรับรอง ต้องปฏิบัติตาม อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended : SOLAS 1974) ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการความปลอดภัยทางทะเล (Maritime Safety Committee : MSC) ได้รับรองข้อมติที่ 532(107) ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าว นั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการตรวจเรือโดยสาร การตรวจเรือสินค้า การออก และการสลักหลัง ใบสําคัญรับรอง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับข้อกำหนดของอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่แก้ไข /--กรมเจ้าท่าจะนําข้อแก้ไขเพิ่มเติมของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. 1974 (SOLAS 1974) ที่รับรองโดยข้อมติของคณะกรรมการความปลอดภัยทางทะเล ที 532(107) (Resolution MSC.532(107) Amendments to the International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974) ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้ มาบังคับใช้ในการตรวจและ ออกใบสําคัญรับรองเกี่ยวกับความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเลเพิ่มเติม ตามกฎข้อบังคับสําหรับการตรวจเรือกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการออกใบสําคัญรับรองเกี่ยวกับความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล พ.ศ. 2559 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :19/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการตรวจ และการออกใบสําคัญรับรองระหว่างประเทศสําหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566 กำหนดให้เรือเดินเขต ขั้วโลกต้องปฏิบัติตามประมวลข้อบังคับระหว่างประเทศว่าด้วยเรือเดินเขตขั้วโลก (International Code for Ships Operating in Polar Waters) ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการความปลอดภัยทางทะเล (Maritime Safety Committee : MSC) ได้รับรองข้อมติที่ 538 (107) ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลข้อบังคับดังกล่าว นั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการตรวจเรือ การออก และการสลักหลังใบสําคัญรับรอง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับข้อกำหนดของอนุสัญญาระหว่างประเทศ อาศัยอำนาจ ตามความในข้อ 7 ของข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียม การตรวจและการออกใบสําคัญรับรองระหว่างประเทศสําหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงประกาศกำหนดไว้ ดังต่อไปนี้ /-- 1. ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 ; 2. ให้เรือเดินเขตขั้วโลกปฏิบัติตามข้อแก้ไขเพิ่มเติมของประมวลข้อบังคับระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรือเดินเขตขั้วโลก (International Code for Ships Operating in Polar Waters) ที่รับรองโดยข้อมติของคณะกรรมการความปลอดภัยทางทะเล ที่ 538 107) (Resolution MSC.538(107) Amendments to the International Code for Ships Operating in Polar Waters (Polar Code)) ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้เพิ่มเติม |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 37 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 15 แห่งกฎกระทรวงระบบความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพ ในการทำงานของคนประจำเรือ พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน --ข้อ 15 ผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องจัดให้มีผู้ควบคุมเรือหรือคนประจำเรืออย่างน้อยหนึ่งคนซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากสถาบันหรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ" |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดแบบใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 ไว้แล้ว นั้น /--โดยที่แบบใบอนุญาตขับรถตามประกาศดังกล่าวกำหนดเครื่องหมายกาชาดไว้ที่ด้านล่าง ของใบอนุญาตขับรถเพื่อออกให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่บริจาคอวัยวะกับสภากาชาดไทย แต่หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจไม่เข้าใจว่าเครื่องหมายกาชาดดังกล่าวแสดงถึงความประสงค์ ของผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่บริจาคอวัยวะ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ ของผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่บริจาคอวัยวะ จึงเห็นสมควรปรับปรุงแบบใบอนุญาตขับรถในส่วนของ การแสดงการเป็นผู้บริจาคอวัยวะให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งกฎกระทรวง การขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ประกาศกำหนดแบบใบอนุญาตขับรถไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกแบบใบอนุญาตขับรถที่แนบท้ายประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนด แบบใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2564 และให้ใช้แบบใบอนุญาตขับรถ ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้แทน /--ข้อ 2 ใบอนุญาตขับรถที่ออกไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :03/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความ ในข้อ 5 วรรคสอง และข้อ 6 วรรคสอง ของกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้ประจํารถ พ.ศ. 2554 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศกำหนดแบบใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้ประจํารถไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกแบบใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจํารถที่แนบท้ายประกาศกรมการขนส่ง ทางบก เรื่อง กำหนดแบบใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจํารถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2560 และให้ใช้แบบใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจํารถตามแบบแนบท้ายประกาศนี้แทน ข้อ 2 ใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจํารถที่ออกไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :04/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิงมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจํานวนมาก ทําให้ประชาชนและสังคมเกิดความไม่มั่นใจในการใช้บริการ ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง สมควรกำหนดให้รถดังกล่าวเข้ารับการตรวจสภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่ใช้ติดตั้งในรถที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง อาศัยอำนาจตามความใน (2) ของกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. 2546 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ดังต่อไปนี้ ต้องเข้ารับการตรวจสภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบตามประกาศนี้ (1) รถ รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งประจําทาง ; (2) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งไม่ประจําทาง /--ข้อ 2 รถตามข้อ 1 ต้องเข้ารับการตรวจสภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่ใช้ติดตั้งในรถที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิงให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2517 /--ข้อ 3 การตรวจสภาพเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบที่ใช้ติดตั้งในรถที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ให้ตรวจตามรายการ ดังนี้ --(1) ตรวจอายุการใช้งานหรือวันหมดอายุของถังก๊าซ ; (2) ตรวจจํานวนถังก๊าซในระบบงานตรวจสภาพกับจํานวนถังก๊าซที่ติดตั้งในรถ ; (3) ตรวจสอบการชำรุดบกพร่องของเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบ ; (4) ตรวจการรั่วไหลของก๊าซ |
*แก้ไขเพิ่มเติมความข้อ 3/1 โดยประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 ลงวันที่ (MOTC-0741) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :10/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความใน (2) ของกฎกระทรวงกำหนดเงื่อนไข ในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. 2546 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ให้เพิ่มความข้อ 3/1 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งสำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ชนิด ประเภท และขนาดของเครื่องดับเพลิงที่ต้องมีไว้ประจำรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ลงวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2542 ไว้แล้ว นั้น /--โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณภาพของเครื่องดับเพลิงให้มีความปลอดภัย และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ 9 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย กฎกระทรวงฉบับที่ 40 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง ชนิด ประเภท และขนาดของ เครื่องดับเพลิงที่ต้องมีไว้ประจำรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร พ.ศ. 2542 /--ข้อ 2 รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 1 มาตรฐาน 2 มาตรฐาน 5 ต้องมี เครื่องดับเพลิงอย่างน้อย 2 เครื่อง ติดตั้งไว้ที่หน้ารถ ารถ 1 เครื่อง และด้านท้ายรถ เครื่อง รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 4 (ก) (ข) (ค) (ง) ต้องมีเครื่องดับเพลิงอย่างน้อย ชั้นละ 2 เครื่อง โดยแต่ละชั้นให้ติดตั้งไว้ที่หน้ารถ 1 เครื่อง และด้านท้ายรถ 1 เครื่องเครื่องดับเพลิงตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องติดตั้งไว้ภายในรถอย่างมั่นคงแข็งแรงในที่ที่สามารถนำมาใช้งานได้โดยสะดวกรวดเร็ว ไม่มีสิ่งกีดขวางและพร้อมใช้งานได้ทุกขณะ /--ข้อ 3 เครื่องดับเพลิงที่ต้องมีไว้ประจำรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารต้องมีลักษณะ ดังนี้ --(1) เป็นแบบยกนิ้ว ชนิดผงเคมีแห้ง โดยมีคุณภาพใช้งานได้ดี สารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิง ต้องเป็นชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซพิษหรือมีปฏิกิริยาเมื่อได้รับความร้อนจากไฟ ในกรณีเป็นชนิดอื่น ที่มิใช่ชนิดผงเคมีแห้ง ต้องมีประสิทธิภาพในการดับเพลิงที่ทัดเทียมกัน ; (2) เป็นเครื่องที่พร้อมใช้งาน สลักต้องล็อกอยู่ตลอดและซีลต้องไม่ฉีกขาด ความดันหรือ นํ้าหนักต้องเป็นไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด ; (3) มีบันทึกการตรวจสอบเครื่องดับเพลิงไว้ประจำเครื่องดับเพลิงบันทึกการตรวจสอบเครื่องดับเพลิงตามวรรคหนึ่ง ต้องมีข้อความที่ระบุวัน เดือน ปี ของอายุการใช้งาน หรือข้อความที่ระบุเดือน ปี ของการตรวจสอบครั้งต่อไปหรือของช่วงเวลาที่อนุญาต ให้ใช้งานได้ และข้อมูลรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวก 1 ; (4) ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงยกหิ้ว ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ; (5) เครื่องดับเพลิงต้องพร้อมใช้งานได้ทุกขณะ โดยต้องผ่านการตรวจสอบโดยผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถ บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager: TSM) หรือผู้ผลิต ผู้จำหน่ายเครื่องดับเพลิง อย่างน้อยทุก 12 เดือน หรือตามที่ผู้ผลิตกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์การตรวจสอบเครื่องดับเพลิงตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ผู้ผลิต กำหนดหรือตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวก 2 ดังต่อไปนี้ ; ข้อ 4 รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงไว้ประจำรถตามขนาด --(1) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 1 (ก) (ข) มาตรฐาน 2 (ก) (ข) มาตรฐาน 4 (ก) (ข) (ค) (ง) มาตรฐาน 5 (ก) (ข) ให้ใช้เครื่องดับเพลิงขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 4 กิโลกรัม ; (2) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 2 (ค) (ง) ให้ใช้เครื่องดับเพลิงขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 2 กิโลกรัม ; (3) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 2 (จ) ให้ใช้เครื่องดับเพลิงขนาดบรรจุ ไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัม /-- ข้อ 5 กรณีเครื่องดับเพลิงมีชนิด ประเภท ขนาด หรือเอกสารบันทึกการตรวจสอบ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรมการขนส่งทางบกจะไม่ให้ผ่านการตรวจสภาพรถ /--ข้อ 6 รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องติดตั้ง เครื่องดับเพลิงให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ /--ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :30/08/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่ได้มีการออกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไข ในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก พ.ศ. 2558 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยาน ซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม โดยประกาศดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะการปฏิบัติการบินของอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยาน ที่ควบคุมการบินจากภายนอก ซึ่งตามมาตรฐานสากลจัดว่ามีความเสี่ยงในระดับต่ำ (Open category) ปัจจุบันปรากฏว่า มีการพัฒนาและนําอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม มาใช้ทำการบินเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ จำนวนมาก โดยตามมาตรฐานสากล แบ่งเป็นกรณีที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง (Specific Category) ซึ่งต้องมี การประเมินความเสี่ยง และได้รับอนุญาตก่อนปฏิบัติการบิน กับกรณีที่มีความเสี่ยงสูง (Certified Category) ซึ่งเป็นการปฏิบัติการบินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ซับซ้อน และอาจเป็นอันตราย จำเป็นต้องได้รับ การรับรองทั้งอากาศยานซึ่งควบคุมการบินจากภายนอกและผู้ปฏิบัติการบิน รวมทั้งผู้บังคับหรือปล่อย อากาศยานต้องได้รับใบอนุญาต ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนา และการใช้อากาศยาน ซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจอนุญาต และกำหนด เงื่อนไขการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน จึงออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัมไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 5 การปฏิบัติการบินของอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ --(1) Open Category คือ การปฏิบัติการบินของอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม ซึ่งมีความเสี่ยงในระดับต่ำ โดยการปฏิบัติการบินประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตหรือแจ้งล่วงหน้า แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อจำกัดในการปฏิบัติการบินที่รัฐมนตรีกำหนด ; (2) Specific Category คือ การปฏิบัติการบินของอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก ซึ่งมีความเสี่ยงในระดับปานกลาง โดยการปฏิบัติการบินประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินความเสี่ยงและได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการบินจากผู้อำานวยการก่อนปฏิบัติการบิน ; (3) Certified Category คือ การปฏิบัติการบินของอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก ซึ่งมีความเสี่ยงในระดับสูง เช่นเดียวกับการปฏิบัติการบินของอากาศยานซึ่งมีนักบิน โดยการปฏิบัติการบิน ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ซับซ้อน และอาจเป็นอันตรายซึ่งต้องได้รับการรับรองทั้งอากาศยาน ที่ควบคุมการบินจากภายนอก และผู้ปฏิบัติการบิน รวมทั้งผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานต้องได้รับใบอนุญาต/ ประกาศนี้ใช้บังคับกับการขออนุญาตบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยาน ที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติการบิน ที่มีความเสี่ยงในระดับปานกลาง (Specific Category) ดังนี้ --(1) เพื่อการเล่นเป็นงานอดิเรก เพื่อความบันเทิง หรือเพื่อการกีฬา ; (2) เพื่อการรายงานเหตุการณ์หรือรายงานการจราจร (สื่อมวลชน) ; (3) เพื่อการถ่ายภาพ การถ่ายทำหรือการแสดงในภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ ; (4) เพื่อการวิจัยและพัฒนาอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก ; (5) เพื่อการเกษตร ; (6) เพื่อการอื่น ๆ ตามที่ผู้อำนวยการกำหนด |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :23/08/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ. 2564 และมาตรา 97 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป/--ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2534) ออกตามความในพระราชกำหนดป้องกัน การใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 /--ข้อ 3 ผู้ผลิตหรือนําเข้าสารระเหยต้องจัดให้มีภาพหรือเครื่องหมายท้ายกฎกระทรวงนี้ และมีข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อที่บรรจุสารระเหย ดังต่อไปนี้ ก่อนนําสารระเหยออกจำหน่าย --(1) คำว่า สารระเหย ; (2) ชื่อและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นําเข้า แล้วแต่กรณี (3) ปริมาณที่บรรจุเป็นระบบเมตริก ; (4) ชื่อทางเคมีและอัตราส่วนของสารผสมทั้งหมดในสารระเหย (5) วิธีการใช้และวิธีการเก็บรักษา ; (6) คำว่า คำเตือน ห้ามสูดดม อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต /--ข้อความตาม (1) และ (5) ต้องใช้ตัวอักษรสีแดงบนพื้นสีขาว ส่วนข้อความตาม (2) (3) (4) และ (5) ต้องใช้สีที่เห็นได้ชัดเจน โดยให้มีขนาดตัวอักษรตามความเหมาะสมและเห็นได้ชัดเจน ข้อความตาม (1) ถึง (6) จะใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยกำกับไว้ด้วยก็ได้ แต่ภาษาอื่นนั้นต้องกำหนดความหมายให้ตรงกับข้อความภาษาไทยและมีขนาดไม่ใหญ่กว่าข้อความภาษาไทย /--ข้อ 4 ภาพหรือเครื่องหมายท้ายกฎกระทรวงนี้ต้องมีลักษณะเป็นรูปหัวกะโหลกกับกระดูกไขว้ สีดำ อยู่ในกรอบวงกลมเส้นทึบสีแดง และมีข้อความสีแดงซึ่งอ่านได้ชัดเจนว่า ห้ามสูดดม อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต อยู่ใต้ภาพหรือเครื่องหมายดังกล่าว โดยให้มีขนาดที่สามารถเห็นได้ชัดเจน /--ข้อ 5 กรณีที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อที่บรรจุสารระเหยมีขนาดบรรจุเกิน 550 มิลลิลิตร หรือเกิน 550 กรัม หากได้จัดให้มีภาพ เครื่องหมาย หรือข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อที่บรรจุ สารระเหยตามกฎหมายอื่นแล้ว ผู้ผลิตหรือนําเข้าสารระเหยจะไม่ดำเนินการตามข้อ 3 ก็ได้ /--ข้อ 6 บรรดาสารระเหยที่ผลิต นําเข้า หรือจำหน่ายโดยมีข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ ที่บรรจุตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2534) ออกตามความในพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้ต่อไป โดยให้ถือว่าได้ดำเนินการ ตามกฎกระทรวงนี้แล้ว |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :27/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 10 แห่งกฎกระทรวงการอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการ ทางนิวเคลียร์ พ.ศ. 2563 เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 3 แบบคำขอรับใบอนุญาต ใบรับคำขอใบอนุญาต ใบอนุญาต คำขอต่ออายุใบอนุญาต และคำขอรับใบแทนใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :27/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 ข้อ 12 วรรคสาม และข้อ 13 (4) แห่งกฎกระทรวง ศักยภาพทางเทคนิคของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. 2564 เลขาธิการสำนักงาน ปรมาณูเพื่อสันติ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /-- ข้อ 3 ผู้ขอรับใบอนุญาตทำเครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือผู้ขอรับ ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 เพื่อตนเองต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียดตามข้อ 5/--ข้อ 4 ผู้ขอรับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีประเภทที่ หรือประเภทที่ 2 เพื่อจําหน่าย ต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับ การปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียดตามข้อ 5 (1) (2) (4) (4) และ (10) /--ผู้ขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งที่มีการสาธิตหรือทดสอบการทำงานของเครื่องกำเนิดรังสี ต้องจัดให้มีแผนป้องกันอันตรายจากรังสีที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานโดยมีหัวข้อและรายละเอียดตามข้อ 5 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :17/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 12 แห่งกฎกระทรวงการแบ่งระดับ การกำหนดคุณวุฒิ และการอนุญาตเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พ.ศ. 2564 /--ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ แบบคําขอรับใบอนุญาต ใบรับคําขอ ใบอนุญาต คําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ ในใบอนุญาต คําขอต่ออายุใบอนุญาต และคําขอรับใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 กำหนดให้นายจ้างจัดให้มีรูปภาพการใช้สัญญาณมือในการสื่อสารระหว่างผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับปั้นจั่นตามแบบที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศกำหนด /--อาศัยอำนาจตามความในข้อ 67 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 /--ข้อ 2 รูปภาพการใช้สัญญาณมือในการสื่อสารระหว่างผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับปั้นจั่น ให้เป็นไป ตามแบบท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 กำหนดให้นายจ้างต้องแจ้งการใช้งานหรือยกเลิกการใช้งานหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนหรือภาชนะรับความดัน และต้องแจ้งผลการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำ หรือหม้อต้ม ที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ตามแบบและวิธีการที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศกำหนด /--อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 ประกอบกับข้อ 96 ข้อ 109 และข้อ 111 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 /--ข้อ 2 ให้นายจ้างแจ้งการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ หรือสำนักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานจังหวัดที่นายจ้างมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ตามแบบท้ายประกาศนี้--(1) แจ้งการใช้งานหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะรับความดัน ภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ใช้งาน ; (2) แจ้งการยกเลิกการใช้งานหม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน หรือภาชนะ รับความดัน ภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ยกเลิกการใช้งาน; (3) แจ้งผลการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำ หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่มีการทดสอบการแจ้งตามวรรคหนึ่ง นายจ้างจะแจ้งด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำประจำปีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด /--อาศัยอำนาจตามความในข้อ 109 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 /-- ข้อ 2 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำท้ายประกาศนี้ |
|
กิจกรรม |
ข้อ 2 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อน้ำท้ายประกาศนี้ |
365 |
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนประจำปีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด /--อาศัยอำนาจตามความในข้อ 111 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อต้มที่ใช้ของเหลว เป็นสื่อนำความร้อนอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ท้ายประกาศนี้ |
|
กิจกรรม |
ข้อ 2 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อต้มที่ใช้ของเหลว เป็นสื่อนำความร้อนอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งาน ตามแบบทดสอบความปลอดภัยในการใช้หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ท้ายประกาศนี้ |
365 |
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :15/10/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ให้สัญญาณแก่ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ยึดเกาะวัสดุหรือผู้ควบคุมการใช้ปั้นจั่นผ่านการอบรมเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการทำงานที่ปลอดภัยในการทำงานของปั้นจั่น การป้องกันอันตรายจากปั้นจั่น รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างอุปกรณ์ การตรวจสอบ และบํารุงรักษาอุปกรณ์ของปั้นจั่น รวมทั้งการฝึกอบรมทบทวนการทำงานเกี่ยวกับปั้นจั่นแต่ละประเภท โดยวิทยากรซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับปั้นจั่นแต่ละประเภท ตามหลักสูตรที่อธิบดีประกาศกำาหนด/--อาศัยอำนาจตามความในข้อ 72 แห่งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2564 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 หลักสูตรการฝึกอบรมลูกจ้างซึ่งทำงานเกี่ยวกับปั้นจั่น ประกอบด้วย 9 หลักสูตร --(1) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ประเภทปั้นจั่นเหนือศีรษะ ปั้นจั่นขาสูง หรือปั้นจั่นที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน ; (2) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ให้สัญญาณแก่ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ยึดเกาะวัสดุ และผู้ควบคุมการใช้ปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ประเภทปั้นจั่นเหนือศีรษะ ปั้นจั่นขาสูง หรือปั้นจั่นที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน ; (3) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ประเภทปั้นจั่นหอสูง หรือปั้นจั่น ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน ; (4) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ให้สัญญาณแก่ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ยึดเกาะวัสดุ และผู้ควบคุมการใช้ปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ประเภทปั้นจั่นหอสูง หรือปั้นจั่นที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน ; (5) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่ ; (6) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ให้สัญญาณแก่ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ยึดเกาะวัสดุ และผู้ควบคุมการใช้ปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่ ; (7) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ให้สัญญาณแก่ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ยึดเกาะวัสดุ ; (8) หลักสูตรการฝึกอบรมผู้ควบคุมการใช้ปั้นจั่น ; (9) หลักสูตรการฝึกอบรมทบทวนการทำงานเกี่ยวกับปั้นจั่น |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศใช้เมื่อ :02/09/2567
|
สาระสำคัญ |
เพื่อให้การออกใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สามตามกฎกระทรวงการอนุญาต การใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม พ.ศ. 2567 และประกาศกรมทรัพยากรน้ำ เรื่อง แบบใบรับ คำขอใบอนุญาต ค่าขอต่ออายุใบอนุญาต คำขอโอนใบอนุญาต คำขอรับใบแทนใบอนุญาต และแบบอื่น ๆ พ.ศ. 2567 มีหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการติดตาม ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงสมควรกำหนดรหัสหมายเลขใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สามโดยอาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ /-- ข้อ 3 การออกใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สอง หรือใบอนุญาตใช้น้ำประเภทสาม ให้ออกรหัสหมายเลขใบอนุญาตใช้น้ำตามหลักเกณฑ์ท้ายระเบียบนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล โครงการจัดทำต้นแบบระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางด้านน้ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรจัดให้มีมาตรฐานข้อมูลน้ำ (Thaiwater.Standard) เพื่อบูรณาการข้อมูลด้านน้ำของประเทศไทยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการ เชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นมาตรฐานกลาง สําหรับรองรับการใช้งานระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางด้านน้ำและแพลตฟอร์มกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำตามแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย อันจะนําไปสู่การพัฒนาบริการภาครัฐ ตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงาน และการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2517 จึงมีมติให้ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองปีนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป/--ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเป็นมาตรฐานกลางในการบูรณาการข้อมูลด้านน้ำ เพื่อการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานรัฐบาลดิจิทัล ว่าด้วยมาตรฐานข้อมูลน้ำ (Thaiwater Standard) เลขที่ มรด. 7-1 : 2567 ที่แนบท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 กำหนดให้การปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกันต้องกระทำโดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการและการบริหารราชการแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งตามมาตรา 5 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 กำหนดให้การบริการประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกันโดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลกลางที่สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กำหนดด้วยต้องกระทำ/--โดยที่เป็นการสมควรให้ภาครัฐจัดทำเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงและการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงาน ของรัฐด้วยกัน เพื่อสร้างมาตรฐานและพัฒนากระบวนการในการทำงานของหน่วยงานของรัฐมีความสอดคล้องและมีการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (3) (4) และ (10) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงาน และการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ประกอบกับมติคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2517 จึงให้ออกประกาศเพิ่มเติมประกาศ คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจ และประชาชน ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ไว้ /--ข้อ 3 เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางหรือโครงสร้างพื้นฐาน ด้านดิจิทัลกลางภาครัฐ ให้แพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (Thailand National Single Window : THAI NSW) เป็นแพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจ และประชาชน ตามมาตรา 10 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 / ข้อ 4 ให้หน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่านและโลจิสติกส์ หรือภาคธุรกิจที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานรัฐ ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูล และ/หรือบริการอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่านและโลจิสติกส์ ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานของรัฐกับภาคธุรกิจทังภายในประเทศและระหว่างประเทศ ผ่านแฟลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์ ณ จุดเดียว (Thailand National Single Window : THAI NSW) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (3) (4) และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในคราวการประชุมครั้งที่ 1/2567 วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567 จึงมีมติให้ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 3 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง มาตรฐานและหลักเกณฑ์ การเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลต่อสาธารณะ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2563/--ข้อ 5 ประกาศนี้ใช้บังคับเป็นมาตรฐานการจัดทำข้อมูลเปิดภาครัฐ โดยให้เป็นไปตามแนวทาง การเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลต่อสาธารณะ เลขที่ มรด. 8 : 2567 ที่กำหนดไว้แนบท้ายประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศใช้เมื่อ :20/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง รายชื่อชุดข้อมูลหลัก ของหน่วยงาน (Master Data) ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2560 นั้น /--เพื่อให้การจัดหาข้อมูลของหน่วยงานของรัฐตามภารกิจให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพในการใช้งาน และเป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา 7 (3) และ (4) และมาตรา 12 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ประกอบกับประกาศ คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง รายชื่อชุดข้อมูลหลักของหน่วยงาน (Master Data) ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ข้อ 6 คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในคราวการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2517 จึงมีมติให้ความเห็นชอบรายการชุดข้อมูลหลัก (Master Data) เพิ่มเติม จำนวน 22 ชุดข้อมูล และให้ออกประกาศไว้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :10/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 51 มาตรา 123 และมาตรา 159 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ออกประกาศการปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์โดยรถไฟระหว่างสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มทางเลือกในการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่ผู้ประกอบการ และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมระบบขนส่งสินค้าทางรางของประเทศ ดังต่อไปนี้/--ส่วนที่ 1 บททั่วไป (ข้อ 4-7)/--ส่วนที่ 2 การปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ขาเข้า โดยรถไฟจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังไปยังสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ข้อ 4-14)/--ส่วนที่ 3 การปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ขาออกโดยรถไฟจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพไปยังสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง (ข้อ 15-19)/--ส่วนที่ 4 พิธีการศุลกากรเฉพาะเรื่อง |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศใช้เมื่อ :27/08/2567
|
สาระสำคัญ |
ปรับปรุงการกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคาร ให้เหมาะสม ตามความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม ของประเทศ และให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำแนะนําของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐาน ควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด ฉบับลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 /ข้อ 2 ในประกาศนี้ --อาคาร หมายความว่า อาคารที่ก่อสร้างขึ้น ไม่ว่าจะมีลักษณะเป็นอาคารหลังเดียวหรือ เป็นกลุ่มของอาคารซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกัน และไม่ว่าจะมีท่อระบายน้ำท่อเดียวหรือ มีหลายท่อที่เชื่อมติดต่อกันระหว่างอาคารหรือไม่ก็ตาม ; น้ำทิ้ง หมายความว่า น้ำที่เกิดจากกิจกรรมของอาคารที่ระบายหรือจะระบายลงสู่แหล่งน้ำ สาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม /--ข้อ 3 ให้แบ่งอาคาร ออกเป็น 3 ชนิด คือ //ชนิดที่ 1 อาคารอยู่อาศัย หมายถึง อาคารที่มีวัตถุประสงค์ให้เป็นที่พักอาศัยของบุคคล ทั้งการอยู่อาศัยอย่างถาวรหรือชั่วคราว ได้แก่--(1) อาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ; (2) หอพัก ตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก ; (3) หอพัก ห้องเช่า ห้องแบ่งเช่า หรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกันตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ; (4) สถานรับเลี้ยงเด็ก ตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองเด็ก ; (5) สถานดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ตามกฎหมายว่าด้วยสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ; (6) ที่พักอาศัยสำหรับลูกจ้างประเภทกิจกรรมก่อสร้าง ตามกฎหมายว่าการคุ้มครองแรงงาน // ชนิดที่ 2 อาคารพาณิชย์ หมายถึง อาคารที่ใช้ประโยชน์ในการพาณิชยกรรม หรือบริการธุรกิจ อย่างเดียวหรือหลายอย่าง ได้แก่ --(1) โรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ; (2) ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า ; (3) ตลาด ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ; (4) สถานบริการประเภทสถานอาบน้ำ นวดหรืออบตัว ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ; (5) ภัตตาคารหรือร้านอาหาร ; (6) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การระหว่างประเทศและของเอกชน ; (7) อาคารโรงเรียนเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน โรงเรียนของทางราชการ อาคารสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาของทางราชการ // ชนิดที่ 3 อาคารสถานพยาบาล หมายถึง สถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน /--ข้อ 4 ให้แบ่งขนาดของอาคาร ออกเป็น 4 ประเภท อาคารประเภท ก.; อาคารประเภท ข. ; อาคารประเภท ค. ; อาคารประเภท ง. /-- ข้อ 5 กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารไว้ ดังต่อไปนี้ --1. ความเป็นกรดและด่าง (PH) ต้องมีค่าระหว่าง (ก-ง) 5-9 ; 2. บีโอดี (BOD) ต้องมีค่าไม่เกิน (ก) 20 มิลลิกรัมต่อลิตร (ข) 30 มิลลิกรัมต่อลิตร (ค) 40 มิลลิกรัมต่อลิตร (ง) 50 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารอยู่อาศัย และ 100 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารพาณิชย์และอาคารสถานพยาบาล ; 3. ของแข็งแขวนลอย (Suspended Solids) ต้องมีค่าไม่เกิน (ก) 30 มิลลิกรัมต่อลิตร (ข) 40 มิลลิกรัมต่อลิตร (ค) 50 มิลลิกรัมต่อลิตร (ง) 60 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 4. ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids) ไม่เกิน (ก-ข) 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ , และเพิ่มขึ้นจากปริมาณในน้ำใช้ปกติไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารสถานพยาบาล (ค) 1,300 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ; 5. ซัลไฟด์ (Sulfide) ต้องมีค่าไม่เกิน (ก- ค) 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 6. ทีเคเอ็น (TKN) ต้องมีค่าไม่เกิน (ก-ข) 35 มิลลิกรัมต่อลิตร (ค) 40 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 7. น้ำมันและไขมัน (Oil and Grease) ต้องมีค่าไม่เกิน (ก-ค) 20 มิลลิกรัมต่อลิตร (ง) 20 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารอยู่อาศัย และ 50 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับอาคารพาณิชย์และอาคารสถานพยาบาล ; 8.. แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด (Total Coliform Bacteria) (สำหรับอาคารสถานพยาบาล) (ก-ข) ไม่เกิน 5,000 (เอ็มพีเอ็มต่อ 100 มิลลิลิตร) ; 9.. แบคทีเรียกลุ่มฟิคอลโคลิฟอร์ม (Fecal Coliform Bacteria) (สำหรับอาคารสถานพยาบาล) (ก-ข) ไม่เกิน 1,000 (เอ็มพีเอ็มต่อ 100 มิลลิลิตร) ; 10.. คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) (ก-ข) ไม่เกิน 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศใช้เมื่อ :27/08/2567
|
สาระสำคัญ |
กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ เพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุดิบ กระบวนการผลิต มลพิษที่เกิดขึ้น เทคโนโลยีการบําบัดน้ำเสีย และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำแนะนําของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 1.4 ของข้อ 1 แห่งประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เรื่อง กำหนดประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมที่อนุญาตให้ระบายน้ำทิ้งให้มีค่ามาตรฐานแตกต่างจาก ค่ามาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ สิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2539) เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิด ประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2539 /--ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน 4.2 ของข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เรื่อง กำหนดประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมที่อนุญาตให้ระบายน้ำทิ้งให้มีค่ามาตรฐานแตกต่างจากค่ามาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ (พ.ศ. 2539) เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงาน อุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2539 /--ข้อ 3 ในประกาศนี้ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ หมายความว่า โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับ อาหารสัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ในลําดับที่ 15 (1) และลําดับที่ 15 (2) ตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงงาน ; โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม หมายความว่า โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม (Central Waste Treatment Plant) ในลําดับที่ 101 ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ที่รับน้ำเสียเฉพาะจากโรงงาน ประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ ในลําดับที่ 15 (1) หรือลําดับที่ 15 (2) หรือทั้งสองอย่าง ; น้ำทิ้ง หมายความว่า น้ำที่เกิดจากการประกอบกิจการ น้ำจากการใช้น้ำของคนงาน หรือน้ำ จากกิจกรรมอื่นในโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ หรือโรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม ที่ระบายหรือจะระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม /--ข้อ 4 กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ โรงงานลําดับที่ 15 (1) และ 15 (2) ไว้ ดังต่อไปนี้/--โรงงานลําดับที่ 15 (1) --1. ความเป็นกรดและด่าง (pH) 5.5 9.0 ; 2. อุณหภูมิ (Temperature) ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ; 3. สี (Color) ไม่เกิน 300 เอดีเอ็มไอ ; 4. ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids หรือ TDS) - กรณีระบายลงแหล่งน้ำต้องไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ; - กรณีระบายลงแหล่งน้ำที่มี ค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมดเกินกว่า 3,000 มิลลิกรัม ต่อลิตร ค่าของแข็งละลาย น้ำทั้งหมดในน้ำทิ้งที่จะระบายได้ ต้องมีค่าเกินกว่าค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในแหล่งน้ำนั้น ไม่เกิน 5,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 5. ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 6. บีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) โรงงานลําดับที่ 15 (1) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; กโรงงานลําดับที่ 15 (2) ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 7. ซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ไม่เกิน 120 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 8. น้ำมันและไขมัน (Oil and Grease) ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 9. คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 10. ไนโตรเจนทั้งหมด (Total Nitrogen) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 11. ฟอสฟอรัสทั้งหมด (Total Phosphorus) โรงงานลําดับที่ 15 (1) ไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อลิตร ; เฉพาะโรงงานลําดับที่ 15 (2) ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร /--ข้อ 5 กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานปรับคุณภาพของเสียรวมไว้ ดังต่อไปนี้ --1. ความเป็นกรดและด่าง (pH) 5.5 9.0 ; 2. อุณหภูมิ (Temperature) ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ; 3. สี (Color) ไม่เกิน 300 เอดีเอ็มไอ ; 4. ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids หรือ TDS) - กรณีระบายลงแหล่งน้ำต้องไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ; - กรณีระบายลงแหล่งน้ำที่มี ค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมดเกินกว่า 3,000 มิลลิกรัม ต่อลิตร ค่าของแข็งละลาย น้ำทั้งหมดในน้ำทิ้งที่จะระบายได้ ต้องมีค่าเกินกว่าค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในแหล่งน้ำนั้น ไม่เกิน 5,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 5. ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 6. บีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) รับน้ำเสียเฉพาะจากโรงงานลําดับที่ 15 (1) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; รับน้ำเสียเฉพาะจากโรงงานลําดับที่ 15 (2) ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 7. ซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ไม่เกิน 120 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 8. น้ำมันและไขมัน (Oil and Grease) ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 9. คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 10. ไนโตรเจนทั้งหมด (Total Nitrogen) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ; 11. ฟอสฟอรัสทั้งหมด (Total Phosphorus) รับน้ำเสียเฉพาะจากโรงงานลําดับที่ 15 (1) ไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อลิตร ; รับน้ำเสียเฉพาะจากโรงงานลําดับที่ 15 (2) ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร /--ข้อ 6 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ ที่มีการประกอบกิจการและจดทะเบียน ทั้งโรงงานลําดับที่ 15 (1) และ 15 (2) หรือโรงงานปรับคุณภาพของเสียรวมที่รับน้ำเสียจากโรงงาน ลําดับที่ 15 (1) และ 15 (2) ให้ถูกควบคุมการระบายน้ำทิ้งด้วยมาตรฐานการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน ประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ด้วยค่ามาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด /--ข้อ 7 การเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งเพื่อการตรวจสอบมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน ประกอบกิจการเกี่ยวกับอาหารสัตว์ หรือโรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศใช้เมื่อ :27/08/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้อาคารบางประเภทและบางขนาด เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นวิธีการควบคุมมลพิษที่เกิดจากอาคารบางประเภทและบางขนาด และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดต่อแหล่งน้ำสาธารณะหรือสิ่งแวดล้อม /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำแนะนําของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ จึงออกประกาศไว้ ดังนี้ /--ข้อ ให้ยกเลิก 1 --(1) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทของอาคารเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อมฉบับลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ; (2) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทของอาคารเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 2) ฉบับลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ; (3) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดอาคารประเภท ค. เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2564 ฉบับลงวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2564 /--ข้อ 2 ในประกาศนี้ --อาคาร หมายความว่า อาคารประเภท ก. ข. และ ค. ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2567 ดังนี้ /--อาคารประเภท ก. --(1) อาคารชุดที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ 500 ห้องชุดขึ้นไป ; (2) โรงแรมที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นห้องพักรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ 200 ห้องขึ้นไป; (3) โรงพยาบาลของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วย สถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนรวมกันทุกขั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 30 เตียงขึ้นไป ; (4) อาคารโรงเรียนเอกชน โรงเรียนของทางราชการ สถาบันอุดมศึกษาของเอกชนหรือ สถาบันอุดมศึกษาของทางราชการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 25,000 ตารางเมตรขึ้นไป ; (5) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศ หรือของเอกชน ที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 55,000 ตารางเมตรขึ้นไป ; (6) อาคารของศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือ กลุ่มของอาคารตั้งแต่ 25,000 ตารางเมตรขึ้นไป ; (7) ตลาดที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 2,500 ตารางเมตร ; (8) ภัตตาคารหรือร้านอาหารที่มีพื้นที่ใช้บริการรวมกันทุกชั้นของอาคารตั้งแต่ 2,500 ตารางเมตรขึ้นไป /-- อาคารประเภท ข. --(1) อาคารชุดที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคาตั้งแต่ 100 ห้องชุด แต่ไม่ถึง 500 ห้องชุด ; (2) โรงแรมที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นห้องพักรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ 60 ห้อง แต่ไม่ถึง 200 ห้อง ; (3) หอพัก ห้องเช่า ห้องแบ่งเช่า หรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน ที่มีจำนวนห้องสำหรับ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกขั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 250 ห้องขึ้นไป ; (4) สถานบริการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป ; (5) โรงพยาบาลของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วย สถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนรวมกันทุกขั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 10 เตียงแต่ไม่ถึง 30 เตียง ; (6) อาคารโรงเรียนเอกชน โรงเรียนของทางราชการ สถาบันอุดมศึกษาของเอกชน หรือ สถาบันอุดมศึกษาของทางราชการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 25,000 ตารางเมตร ; (7) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศ หรือของเอกชน ที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 55,000 ตารางเมตร ; (8) อาคารของศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 25,000 ตารางเมตร ; (9) ตลาดที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 1,500 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 2,500 ตารางเมตร ; (10) ภัตตาคารหรือร้านอาหารที่มีพื้นที่ให้บริการรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ 500 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 2,500 ตารางเมตร /--อาคารประเภท ค. --(1) อาคารชุดที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ไม่ถึง 100 ห้องชุด ; (2) โรงแรมที่มีจำนวนห้องสำหรับใช้เป็นห้องพักรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารไม่ถึง 60 ห้อง ; (3) หอพัก ห้องเช่า ห้องแบ่งเช่า หรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน ที่มีจำนวนห้องสำหรับ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 50 ห้อง แต่ไม่ถึง 250 ห้อง ; (4) สถานบริการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 5,000 ตารางเมตร ; (5) อาคารที่ทำการของทางราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศ หรือของเอกชน ที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 10,000 ตารางเมตร ; (6) ตลาดที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 1,500 ตารางเมตร ; (7) ภัตตาคารหรือร้านอาหารที่มีพื้นที่ให้บริการรวมกันทุกชั้นของอาคาร หรือกลุ่มของอาคาร ตั้งแต่ 250 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 500 ตารางเมตร /--ข้อ 3 ให้อาคารตามข้อ 2 เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกต้องควบคุมการปล่อยน้ำเสีย ลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม /--ข้อ 4 ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารตามข้อ 2 ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่จะได้ทำการบําบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง ที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุม การระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2567 แต่ทั้งนี้ห้ามมิให้ใช้วิธีการทำให้เจือจาง (Dilution) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 (2) และมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 คณะกรรมการการแพทย์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /---ข้อ 3 ให้สำนักงานจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แก่สถานพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ประกันตน ประเภทผู้ป่วยใน ด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการ ดังนี้ --(1) การผ่าตัดมะเร็งเต้านม ; (2) การผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูกและหรือรังไข่ ; (3) การผ่าตัดนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี ; (4) หัตถการโรคหลอดเลือดสมอง ; (5) หัตถการโรคหัวใจและหลอดเลือด // การผ่าตัดหรือทำหัตถการตาม (1) - (4) จ่ายโดยคำนวณตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (Diagnosis Related Group : DRGs) ที่มีค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Relative weight : AdjRW) ในอัตราหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อหนึ่งน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adjusted Relative weight : AdjRW) กรณีเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เพิ่มเติม ในอัตรา 3,000 บาทต่อครั้งการทำหัตถการ (5) จ่ายตามแผนการรักษาแบบเหมาจ่ายรายครั้งของการรักษา (Package) ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกันตนขณะที่ทำการรักษาหรือยังอยู่ในช่วงพักรักษาตัวในสถานพยาบาล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราแนบท้ายประกาศฉบับนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศใช้เมื่อ :11/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงออกระเบียบกรมวิชาการเกษตรไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 3 ให้ยกเลิก (1) ระเบียบกรมวิชาการเกษตร ว่าด้วยการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย พ.ศ. 2553 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 และ(2) ระเบียบกรมวิชาการเกษตร ว่าด้วยการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป/--ข้อ 2 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 3017 - 2563 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5690 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟ เฉพาะด้านความปลอดภัย : สารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับที่ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้/---ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองร้อยเจ็ดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป/--ข้อ 2 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสี โดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 2228 - 2565 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6469 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแบบต่อเนื่อง และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้า ทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองร้อยเจ็ดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป /--ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็น เคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. 2563 /--ข้อ 3 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 50 - 2565 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6467 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้า ทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป /--ข้อ 2 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรงต้องเป็นไป ตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 3286 - 2564 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6991 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีตอัดแรง ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป /--ข้อ 2 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 2223 - 2565 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 7285 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสี โดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้าและคุณภาพสำหรับการขึ้นรูป และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2566 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศใช้เมื่อ :13/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 46 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการทําให้สิ้นสภาพและจัดการซากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เรื่อง การทําให้สิ้นสภาพและจัดการซากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้ ความในข้อ 2 และข้อ 3 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :16/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็น ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 7-1/2567 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายชนิดที่ ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562/-- ข้อ 2 ในประกาศนี้ วัตถุอันตราย หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความ ในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 /--ข้อ 3 ผู้ใดประสงค์จะผลิตหรือนำเข้าซึ่งวัตถุอันตราย ให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนการผลิตหรือนำเข้าครั้งแรก ตามแบบ วอ./สธ 5 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสาร และหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว ให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าแจ้งยืนยันข้อเท็จจริงที่ได้แจ้งไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกรอบหกปีปฏิทิน นับแต่ปีที่แจ้งข้อเท็จจริง ภายในวันที่ 31 มกราคมของปีถัดไป ตามแบบ วอ./สธ 24 ท้ายประกาศนี้ ข้อ 4 กรณีข้อเท็จจริงตามข้อ 3 เปลี่ยนแปลงไป ให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าแจ้งข้อเท็จจริง เพิ่มเติมก่อนการเปลี่ยนแปลง ตามแบบ วอ./สธ 16 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุ
ในแบบดังกล่าว /--การแจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อทางการค้าที่ใช้ ภายในประเทศ ชื่อและอัตราส่วนของวัตถุอันตราย (สารสำคัญ) และลักษณะของวัตถุอันตราย หากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินการแจ้งข้อเท็จจริงตามข้อ 3 วรรคหนึ่ง |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :17/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (1) มาตรา 20 (4) มาตรา 36 วรรคสาม และมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกประกาศแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสำคัญ และการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 ดังต่อไปนี้ ความในข้อ 4, ข้อ 5 วรรคหนึ่ง, ข้อ 5/1 ข้อ 7 , ข้อ 8 และข้อ 9 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ข) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขานิวเคลียร์ พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมสาขานิวเคลียร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565 ดังต่อไปนี้ ข้อ 3 ข้อ 5 ข้อ ข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 8/1 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ช) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 12 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาธรณีวิทยา พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ช) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 10/1 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขา การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 และข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบ วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์ และการควบคุมมลพิษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2566 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ข) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมความ (4) ในข้อ 4 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาสาขาการผลิต การควบคุม และการจัดการ สารเคมีอันตราย พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการผลิต การควบคุม และการจัดการ สารเคมีอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ช) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 8 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ ที่ก่อให้เกิดโรค พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ ที่ก่อให้เกิดโรค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ และการใช้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ค) (ง) และ (ข) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 7 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศใช้เมื่อ :10/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 (6) (ก) และ (ข) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 9 และข้อ 29 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วย การรับสมัครสมาชิก คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก ค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากสมาชิก พ.ศ. 2554 และข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าด้วยการรับสมัครสมาชิก คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก ค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากสมาชิก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงคมนาคม ประกาศใช้เมื่อ :04/09/2567
|
สาระสำคัญ |
ตามที่ได้มีประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553 ไว้แล้ว นั้น/--โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบค่าก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ตามประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ พ.ศ. 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มี การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งกฎกระทรวง กำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ. 2551 ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบ ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553/--ข้อ 3 ค่าก๊าซจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้--(1) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ 4.5 โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ; (2) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน 90,000 ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ/--ข้อ 4. ค่าก๊าซจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ --(1) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ 3.5 โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ; (2) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน 2,000 ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ /--ข้อ 5 ค่าก๊าซจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ --(1) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ 2.5 โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ; (2) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน 9,000 ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ/-- ข้อ 6 ค่าก๊าซจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ให้มีเกณฑ์ที่กำหนด ดังต่อไปนี้ --(1) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ต้องไม่เกินร้อยละ 1.5 โดยปริมาตรที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ ; (2) ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ต้องไม่เกิน 500 ส่วนในล้านส่วนที่วัดได้ด้วยเครื่องมือ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :30/08/2567
|
สาระสำคัญ |
กำหนดหลักเกณฑ์ เรื่อง ระบบบําบัดน้ำเสียของอาคารประเภท ง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 51 (พ.ศ. 2541) ออกตามความใน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และอาคารพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว หรือบ้านแฝด ซึ่งเป็นรายละเอียดด้านเทคนิคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว /-- อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อ 7 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 71 (พ.ศ. 2566) ออกตามความใน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/-- หมวด 1 บททั่วไป (ข้อ 3-5)/--หมวด 2 รูปแบบระบบบําบัดน้ำเสีย (ข้อ 6-9)/--หมวด 3 ปริมาตรใช้งานของระบบบําบัดน้ำเสีย (ข้อ 10-13)/--หมวด 4 คุณลักษณะด้านความมั่นคงของระบบบําบัดน้ำเสีย (ข้อ 14-16)/--หมวด 5 การระบายน้ำทิ้ง (ข้อ 17) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :30/08/2567
|
สาระสำคัญ |
กำหนดหลักเกณฑ์การออกแบบและคํานวณโครงสร้างอาคารและลักษณะ และคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคารที่เป็นรายละเอียดด้านเทคนิคและหลักวิชาการที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้งานโครงสร้างอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัย ต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อ 3 ข้อ 5 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 13 ข้อ 15 ข้อ 17 ข้อ 19 และข้อ 24 แห่งกฎกระทรวงกำหนด การออกแบบโครงสร้างอาคารและลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคาร พ.ศ. 2566 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--หมวด 1 ข้อกำหนดการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร (ข้อ 3-4)/-- หมวด 2 วิธีการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร (ข้อ 5-8)/--หมวด 3 น้ำหนักบรรทุก (ข้อ 9-21) /-- หมวด 4 แรงลม (ข้อ 22-24)/--หมวด 5 แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (ข้อ 25)/--หมวด 6 วัสดุที่ใช้ในโครงสร้างอาคาร (ข้อ 26-29)/--หมวด 7 การทนไฟของวัสดุก่อสร้าง (ข้อ 30-32) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :30/08/2567
|
สาระสำคัญ |
กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารที่เป็นรายละเอียดด้านเทคนิคและหลักวิชาการที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วพื่อให้งานก่อสร้างฐานรากของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อ 17 ข้อ 23 ข้อ 25 ข้อ 27 ข้อ 29 ข้อ 30 และข้อ 31 แห่งกฎกระทรวงกำหนดฐานราก ของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคาร พ.ศ. 2566 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--หมวด 1 บททั่วไป (ข้อ 3-4)/-- หมวด 2 การออกแบบฐานรากแผ่ (ข้อ 5-10)/--หมวด 3 เสาข็มคอนกรีต (ข้อ 11-19)/--หมวด 4 เกณฑ์การทดสอบกำลังแบกทานของดินฐานรากและแรงต้านทานของเสาเข็ม (ข้อ 20-23)/--หมวด 5 กำแพงกันดิน (ข้อ 24-31) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :30/08/2567
|
สาระสำคัญ |
กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุและผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ตามมาตรา 32 ที่ปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมเนื้อหา และรายละเอียดที่สำคัญ การใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งวัสดุ มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีความเหมาะสม เกิดความสอดคล้อง กับสภาพการณ์ปัจจุบันและมาตรฐานสากล/--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ประกอบข้อ 3 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 10 ข้อ 13 ข้อ 14 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 20 ข้อ 21 ข้อ 22 และข้อ 24 แห่งกฎกระทรวงกำหนดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ พ.ศ. 2566 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--หมวด 1 บททั่วไป (ข้อ 3-4)/-- หมวด 2 ชนิดของวัสดุและการใช้ (ข้อ 5-10)/--หมวด 3 การทดสอบ (ข้อ 11-19) /-- หมวด 4 การออกแบบและคำนวณ (ข้อ 20-21) /--บทเฉพาะกาล (ข้อ 22) |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้เมื่อ :10/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 (3) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และมาตรา 8 (1) (7) และ (8) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้น สำหรับติดหรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้ ความในข้อ 4 และข้อ 15 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :11/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (3) (5) (6) (7) และ (10) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ และยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 199) พ.ศ. 2543 เรื่อง น้ำแร่ธรรมชาติ ลงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2543 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :16/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (10) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 373) พ.ศ. 2559 เรื่อง การแสดงสัญลักษณ์โภชนาการบนฉลากอาหาร ลงวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :06/09/2567
|
สาระสำคัญ |
เพื่อให้การควบคุมเครื่องมือแพทย์เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและสอดคล้องกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นสมควรยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) /---อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 6 (4) (6) (8) (10) (13) และ (18) มาตรา 22 วรรคสาม และมาตรา 45 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และมาตรา 6 (1) (ก) และมาตรา 44 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนําของคณะกรรมการเครื่องมือแพทย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /---ข้อ 2 ให้ยกเลิก --(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ที่ต้องมีการประเมินเทคโนโลยี พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 ; (2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 6 (18) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 ; (3) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ประเมิน และการยกเว้นค่าใช้จ่าย ในการประเมินชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 ; (4) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดอัตรา วิธีการชําระ และค่าใช้จ่าย ในการประเมินเทคโนโลยีของชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ; (5) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564; (6) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัย การติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564 /---ข้อ -3 ให้ผู้จดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือนําเข้าซึ่งได้รับใบรับรองการประเมิน เทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับสามารถผลิตหรือนําเข้าและใช้ฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์เดิมต่อได้อีกไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ การยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 19 มาตรา 20 มาตรา 30 มาตรา 31 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ กฎกระทรวงการแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนําเข้าเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 /--ผู้จดทะเบียนสถานประกอบการผลิตหรือนําเข้าเครื่องมือแพทย์ตามวรรคหนึ่ง ให้สามารถขายเครื่องมือแพทย์ของตนได้ต่อไปจนกว่าเครื่องมือแพทย์จะหมดอายุ หรือมีคำสั่งให้ระงับการขาย /--ข้อ 4 ผู้ที่ยื่นคำขอและอยู่ระหว่างการประเมินเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ก่อนวันที่ประกาศนี้ ใช้บังคับ ให้สามารถนําเอกสารประกอบคำขอประเมินเทคโนโลยีเฉพาะที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวง การแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนําเข้าเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 ไปใช้ยื่นเป็นข้อมูล เอกสารหรือหลักฐานประกอบการยื่นคำขอแจ้งรายการละเอียด โดยอนุโลม และให้ส่งข้อมูลเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมให้เป็นไปตามกฎกระทรวงการแจ้งรายการละเอียดและการออกใบรับแจ้งรายการละเอียดผลิตหรือนําเข้าเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :06/09/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ ที่ต้องขายเฉพาะแก่สถานพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (10) แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนําของคณะกรรมการ เครื่องมือแพทย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /---ข้อ 2 ให้ยกเลิกรายการที่ 5 ของเครื่องมือแพทย์ที่ต้องขายเฉพาะแก่สถานพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ที่ต้องขายเฉพาะแก่สถานพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และสาธารณสุข พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :06/09/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐาน ของเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต หรือผู้นําเข้าต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 /--อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (4) แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนําของคณะกรรมการ เครื่องมือแพทย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้/--ข้อ 2 ให้ยกเลิกลำดับที่ 19 และ 20 ของบัญชีมาตรฐานของเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต หรือผู้นําเข้าต้องปฏิบัติ แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานของเครื่องมือแพทย์ ที่ผู้ผลิต หรือผู้นําเข้าต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :06/09/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ ที่ต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ หรือข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 6 (13) และมาตรา 45 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนํา ของคณะกรรมการเครื่องมือแพทย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 ให้ยกเลิกลำดับที่ 1 ของบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เครื่องมือแพทย์ที่ต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ หรือข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลาก หรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563 |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :19/09/2567
|
สาระสำคัญ |
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดแนวทางการยื่นคําขออนุญาต หรือคําขอแจ้งรายการละเอียดผลิต หรือนําเข้าเครื่องมือแพทย์ ที่เข้าเงื่อนไขการอ้างอิงเอกสารเดิม หรือการถ่ายโอนเอกสาร หรือกรณีอื่น ของเครื่องมือแพทย์ที่เคยได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้วที่ไม่ต้องส่งบุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรที่ได้รับ การขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเมินเอกสารทางวิชาการ /--อาศัยอำนาจตามความใน (ค) ของ (1) ของข้อ 2 แห่งประกาศสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2567 ลงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567 เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :16/10/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความใน (ข) ของ (3) ของข้อ 2 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2567 ลงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567 เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ขอ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป /--ข้อ 2 กำหนดแนวทางการยื่นคําขออนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์ที่มีรายละเอียดตรงตาม ที่ได้รับอนุญาต หรือแจ้งรายการละเอียด หรือจดแจ้งที่ต้องได้รับการประเมินเอกสารทางวิชาการจากบุคคล
หน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังต่อไปนี้ /--(1) การแสดงข้อความที่ขอโฆษณาในลักษณะที่เป็นการขยายความรายละเอียดตามที่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งรายการละเอียดหรือจดแจ้งไว้ โดยมีการอ้างอิงผลการวิจัยหรือเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ; (2) การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ของตนเองกับผู้อื่นในเชิงวิชาการ ; (3) กรณีเครื่องมือแพทย์ตามที่ได้รับอนุญาต หรือแจ้งรายการละเอียด หรือจดแจ้ง เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ชนิดร้ายแรง (serious adverse event) หรือผลการทำงานอันผิดปกติ ของเครื่องมือแพทย์ (device deficiencies) ที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากเครื่องมือแพทย์ ชนิดร้ายแรง (serious adverse device effect)" |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มาตรา 6 (12/1) และมาตรา 21/1 (2) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขโดยคำแนะนําของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุม ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 กำหนดค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ประเมินเอกสารทางวิชาการ หรือการตรวจ สถานประกอบการเครื่องสำอาง เพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการพิจารณาส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตามบัญชีที่แนบท้าย ประกาศนี้ |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มาตรา 6 (12/1) และมาตรา 21/1 (1) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนําของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 จึงได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขึ้นบัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการเครื่องสำอาง |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มาตรา 6 (12/1) และมาตรา 21/1 (1) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนําของคณะกรรมการเครื่องสำอาง ในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 จึงได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขึ้นบัญชีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสถานประกอบการเครื่องสำอาง |
|
|
|
|
กระทรวง : กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เมื่อ :05/09/2567
|
สาระสำคัญ |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (9) แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนําของคณะกรรมการ เครื่องสำอาง ในการประชุมคณะกรรมการเครื่องสำอาง ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ /--ข้อ 2 ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (53) ถึง (56) ของข้อ 1 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดด่านตรวจสอบเครื่องสำอาง พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 (53) ด่านอาหารและยาสตูล จังหวัดสตูล ; (54) ด่านอาหารและยาคลองใหญ่ จังหวัดตราด ; (55) ด่านอาหารและยาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ; (56) ด่านอาหารและยาสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ |
|
|
|